ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะในช่วงฝนตกใหม่ๆ น้ำฝนจะผสมกับขี้ฝุ่นกลายเป็นดินโคลนบางๆ
ฉาบผิวถนน ทำให้ถนนลื่นกว่าปกติ โดยเฉพาะถนนลูกรังและทางดิน ยิ่งถ้าฝนตกหนักถนนบางที่จะกลาย
สภาพเป็นแอ่งน้ำ หรือบ่อโคลน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพื่อความปลอดภัย
เรามีเทคนิคการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในการขับรถช่วงฝนตกมาฝากครับ
จากการขับรถด้วยความเร็วสูงผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง หรือแอ่งน้ำ เพื่อความปลอดภัย ควรจับพวงมาลัยให้มั่น
ลดความเร็วรถก่อนถึงแอ่งน้ำจะช่วยลดแรงกระแทก ห้ามเหยียบเบรกขณะที่ขับผ่านแอ่งน้ำ เพราะจะทำให้
ล้อล็อคและรถเสียการทรงตัว จนเกิดอาการหมุนหรือปัดอย่างรวดเร็ว ให้แก้ไขโดยค่อยๆ ถอนคันเร่ง
รอจนรถสามารถทรงตัวได้ดี จึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
ถ้าต้องขับผ่านเส้นทางเสี่ยงดินถล่ม
เช่น บริเวณหุบเขา เชิงเขา ก่อนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลประกาศแจ้งเตือนภัย และศึกษาสภาพเส้นทาง
จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมหาเส้นทางสำรองกรณีเส้นทางเดิมไม่ปลอดภัย หากเส้นทางที่ขับผ่านมีฝนตกหนัก
ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นที่ปลอดภัยมากกว่า
ให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ขับรถเร็ว หมั่นสังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ
หากน้ำในร่องน้ำข้างถนนเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับดินบนภูเขา หรือได้ยินเสียงคล้ายดินถล่มให้ค่อยๆ
ขับรถออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
หากมีดินถล่มปิดทับเส้นทาง
ควรหยุดรถในบริเวณที่ปลอดภัย ไม่ฝืนนำรถออกจากจุดเกิดเหตุ เพราะสภาพถนนที่แคบและโค้งชัน
อาจทำให้รถเสียหลักหลุดออกนอกเส้นทาง
การขับรถลุยโคลน
ให้หยุดรถเพื่อประเมินเส้นทางและเลือกใช้เส้นทางที่ตื้นที่สุด หรือทางที่มีรอยล้อรถเดิม
จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดหล่ม ต้องขับรถในระดับความเร็วที่สม่ำเสมอ หากรู้สึกล้อหนืดหรือเหยียบคันเร่งไม่ไป
ให้ค่อยๆ ขยับพวงมาลัยไป-มาช้าๆ เพื่อให้ล้อเกาะพื้นดินใหม่ แต่ห้ามหมุนล้อเร็วเกินไป จะทำให้ล้อรถจมดินมากขึ้น
รถจมโคลนหรือติดหล่ม
ห้ามเร่งเครื่องหรือหักพวงมาลัยด้วยความเร็วสูง จะทำให้ล้อจมโคลนลึกขึ้น แก้ไขโดยวางก้อนอิฐหรือท่อนไม้
ไว้ด้านหน้ายางรถยนต์ล้อหลัง ค่อยๆ เร่งเครื่องเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน หรือใช้สายเคเบิลลากจูงแบบตรง และ
พยายามเร่งเครื่องโดยใช้เกียร์ต่ำ จะทำให้รถสามารถเคลื่อนตัวออกจากหล่มโคลนง่ายขึ้น
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล: orientalprincesssociety.com