ทริปเล็กๆกับวันหยุดเพียงหนึ่งวัน ก็สามารถหาความสุขเล็กๆให้ครอบครัวได้ครับ
วันนี้ผมพากันไปถึง 3 สถานที่ คือ วัดพราหมณี หรือ (หลวงพ่อปากแดง), วัดเขาแดง ไหว้พระพิฆเนตร องค์ใหญ่ และ
น้ำตกสาริกา พร้อมแล้วตามไปชมกันเลยครับ
เปิดตัวด้วยภาพที่ประทับที่สุดของทริปนี้ครับ น้ำตกสาริกาชั้นบนสุด เพราะอะไรผมถึงประทับ
ติดตามอ่านไปเรื่อยๆครับ
มื้อนี้จัดข้าวคุกกะปิกันไปคนละจาน พร้อมแล้วก็ออกเดินทางต่อ
ขับรถมาได้ซักพักก็เจอฝนเลยครับ แต่ผมกลับชอบนะ อากาศเย็นสบายดี
เราเดินทางกันเส้น รังสิต-นครนายกครับ
ระหว่างทางไม่มีอะไรมากครับ เนื่องจากฝนตก เลยข้ามมาที่ถึงวัดพราหมณีเลยครับ
แม่ผมเดินนำหน้าเลยครับ ไม่แน่ใจว่าไหว้พระหวังผลหรือเปล่านะ 555
บรรยากาศทางเข้ามีของฝากขาย อร่อย ราคาไม่แพง รอบริการอยู่ ช่วยโปรโมตไปในตัว 555
พอเดินเข้าไปถึงหลวงพ่อ ก็ทำบุญคนละ 20 บาท เขาจะจัดชุดถวายให้ครับ
ซึ่งในตระกร้าที่เห็นจะมี กล้วย ดอกไม้ และหมาก ซึ่งคนจัดชุดถวายบอกมาว่า เป็นคำเชื่อตั้งแต่สมัยโบราญ
สืบต่อกันมา ว่าต้องถวายด้วยของ 3 สิ่งนี้ ผมก็เลยไม่ถามต่อครับ
ในโบสหลวงพ่อ คนเยอะมากครับ องค์มรกตที่เห็นองค์เขียวๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าองค์จำลองหลวงพ่อ
ส่วนองค์หลวงพ่อปากแดงอยู่องค์บนสุดครับ ซึ่งไม่สามารถปิดทองได้ครับ เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดความเสียหายแก่หลวงพ่อได้ แต่เราก็สามารถปิดทองที่ฐานของหลวงพ่อได้ครับ
อีกรูป
รูปจากมุมหน้าต่างด้านนอก
จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อเลยครับ ซึ่งที่หมายต่อไปคือ วัดเขาแดง จะไปกราบไหว้พระพิฆเนตร องค์ใหญ่
ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใหญ่ที่สุดของประเทศไทยหรือเปล่า
มาถึงแล้วครับ วัดเขาแดง ซึ่งระยะทางห่างจากวัดพราหมณี ประมาณ 3-4 กม. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยตรงสี่แยกไฟแดงถัดไป ซึ่งผมจำชื่อสี่แยกไม่ได้
องค์พระพิฆเนตร องค์ใหญ่มากครับ
อีกรูปกับพรีเซ็นเตอร์
จากนั้นออกเดินทางต่อครับ มุ่งหน้าสู่น้ำตกสาริกาบรรยากาศดีมากครับ ช่วงฝนหยุดตกใหม่ๆ
ลืมบอกไปครับจากวัดเขาแดง มุ่งหน้าสู่น้ำตกสาริกา ให้ตรงมาตลอดทางครับ
ระยะทางประมาณ 8 กม.
วิวดีตลอดทางครับ ถนนก็ดี สิ่งปลูกสร้างยังไม่เยอะ
ธรรมชาติล้วนๆ
ถึงแล้วครับ น้ำตกสาริกา ค่าจอดรถ 40 บาท ผมจอดด้านนอก ด้านในน่าจะจอดฟรีหรือเปล่าไม่แน่ใจ
จอดรถเสร็จก็แวะเติมพลังงาน กับร้านอาหารแถวๆนั้น ซึ่งไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ครับ
วันนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่ครับ มีรถจอดอยู่ที่เดียวกับผมไม่กี่คัน
จากที่จอดรถ ต้องเดินเท้าอีกประมาณ 100 เมตร ซึ่ง 2 ข้างทางจะมีร้านค้าปะปราย ส่วนใหญ่จะขายน้ำดื่ม กับผลไม้ที่ชาวบ้านปลูกเอง ราคาไม่แพงครับ ผมจัดลองกองมา 3 โล ร้อยเดียวเองครับ ที่สำคัญอร่อยอีกต่างหาก
ถึงแล้วครับ น้ำตกสาริกา
บรรยากาศเขียวขจี มีหมอกอ่อนๆบนยอดเขา กับเสียงน้ำไหลเฉื่อยๆ
ส่วนตัวผมชอบที่นี้มากครับ
ก่อนเดินทางไปสำรวจน้ำตก ก็แวะกราบไหว้เจ้าที่เจ้าทางก่อนครับ ขออนุญาติท่านให้เรียบร้อย
เจ้าพ่อปลัดจ่าง กับเจ้าแม่สาริกาครับ
หลังจากนั้นผมกับน้องก็สำรวจกันต่อ โดยให้แม่ผมนั่งเล่นที่ศาลาด้านล่างครับ
เพราะแม่ผมคงขึ้นไม่ไหวแน่ๆ
ภาพสุดฮอต กับมุมฮิต เดียวเราจะไปที่ยอดเขากันครับ ไปดูว่าต้นน้ำเป็นอย่างไร
ออกเดินทางกันต่อครับ ซึ่งจะมีบรรไดให้แค่ประมาณ 1 ใน 3 ของระยะทาง
ที่เหลือก็ตามภาพเลยครับ ลุยกันต่อไอ้น้องรัก
ฝนตก + ดินโคลนลื่นๆ จัดไปครับ
ไหวไหมไอ้น้องรัก
ในที่สุดก็มาถึงน้ำตกสาริกาชั้นบนสุด จัดไป 1 ภาพ กับตัวผมเองครับ
วิวด้านบน เกินบรรยาย
คุ้มค่ามากครับ
น้ำตกไหลลงหน้าผา จากรูปที่เราเห็นก่อนหน้า นี้คือต้นน้ำครับ
เกินบรรยายจริงๆครับ ขณะที่ถ่ายประมาณบ่ายสอง ยังเห็นหมอกอยู่เลยครับ
น้ำตกชั้นบนสุดครับ เป็นแอ่งกระทะ กว้างประมาณสระไหวน้ำโรงแรมขนาดใหญ่ได้
ที่สำคัญน้ำเย็นสบาย
น้ำใสมากครับ มองเห็นตัวปลากันเลยทีเดียว
ระดับน้ำมีทั้งจุดที่ลึก และไม่ลึก ซึงถ้าวัดจากความสูงของผมประมาณ 180 ซม.
จากที่ผมยืนไม่ลึกครับ
แต่ถ้าเข้าไปใกล้ที่น้ำตกไหล ตรงนั้นลึกครับ ผมยืนไม่ถึง เกิน 180 ซม. แน่นอน
ฝากทิ้งท้ายไว้นิดครับ การที่จะขึ้นมาชั้นบนสุดหรือมาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
ไม่ควรพกของกินหรือวัสดุที่สลายยากติดมือขึ้นมานะครับ เพราะทางอุทยานได้เขียนบอกไว้แล้ว
เราควรปฏิบัติตามด้วยนะครับ เพื่อที่ธรรมชาติจะได้อยู่คู่กับเราไปนานๆ
ขอบคุณครับ