พร้อมเครื่องยนต์สไตล์สวยงามและขนาดใหญ่กว่าเดิมของเครื่องยนต์ขนาด 535cc
แบบดั้งเดิมของ Enfield สูบเดี่ยวระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์นี้
จะมาพร้อมวาล์วด้านบนสองตัวและระบบหัวฉีดและท่อสไตล์ลำโพงสีโครเมี่ยมสวยงาม
ที่ได้รับการปรับจูนให้ดีขึ้น และกล่องอากาศที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ถังน้ำมันขนาด 3.6 แกลลอน
สามารถสตาร์ทรถด้วยการกดปุ่มแค่เพียงปุ่มเดียว หรืออยากจะสตาร์ทด้วยเท้าก็ย่อมทำได้อย่างสบายๆ
การส่งกำลังเครื่องยนต์ด้วยเกียร์แบบแมนน่วล 5 เกียร์พร้อมโซ่ส่งกำลังไปยังล้อหลัง
เครื่องยนต์ที่ทำจากอลูมิเนียมทั้งหมดนี้แขวนอยู่ใต้แชซซีที่ได้มีการปรับปรุงใหม่ทั้งดุ้นโดย
Harris Performance Products ซึ่งเป็นโรงงานรถแข่งของอังกฤษระดับไฮเอ็นด์ที่มีความเชี่ยวชาญ
ด้านการพัฒนาตัวถังและระบบกันสะเทือน ส่วนเฟรมนั้นทำจากเหล็กและออกแบบให้ท่อขนานกันและ
สนับสนุนความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน
ระบบบกันสะเทือนล้อหน้านั้นเป็นตะเกียบขนาด 41 มม ที่มีระยะยุบตัว 4.3 นิ้ว และ
โช้คหลังแบบก๊าสจากอิจาลี่ Paioli ที่มีระยะยุบตัว 3.1 นิ้ว ล้อของ GT จะมีขนาด 18 นิ้ว
พร้อมซึ่ล้อเพื่อคงเอกลักษณ์คลาสสิค พร้อมยางแบบ tubeless – Pirelli Speed Demon
โดยล้อหน้าเป็น 100/90 ด้านหลัง 130/70 โดยทั้งสองล้อก็จะมีจานเบรกที่ควบคุมการทำงาน
ด้วยสายไฮโดรลิกส์ทำจากแสตนเลส ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของมอไซค์คันนี้เมื่อเทียบกับราคาของมัน
นอกจากนี้แล้วยังมีที่จอดรถ center stand เพื่อความสดวกในการดูแลรถ
หน้าตาของ Continental คันนี้นั้นยังคงความเป็น cafe racer ได้ทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั้ง
ถังน้ำมัน เครื่องยนต์ที่ขัดเงามันวับ ถือเป็นมอเตอร์ไซค์คันที่สวยงามไม่ว่าจะสีแดงหรือเหลือง
ไม่ว่าจะขับไปไหนก็จะดึงดูดทุกสายตาอย่างแน่นอน
ด้วยน้ำมันเต็มถังนั้นมันจะมีน้ำหนักรวมราว 406 ปอนด์ซึ่งดูแล้วเหมือนจะเบากว่าปกติเวลาขับขี่
ให้ความรู้สึกเหมือนจะให้ความคล่องตัวตามแนวของมินิไบค์ ท่านั่งในการขับขี่ไม่ถึงกับอึดอัดซะทีเดียว
กับคนตัวสูงอย่างผม เบาะนั่งที่สูง 31.5 นิ้วนั้นทำให้นักบิดไม่ว่าจะสูงหรือเตี้ยก็ขับได้อย่างสบายๆ
ให้ความเป็นสปอร์ทอย่างเต็มตัว แม้ว่าหน้าตาจะออกแนว racer แต่มอเตอร์ไซค์ Continental
คันนี้อาจจะมีข้อจำกัดในการเข้าโค้งอยู่บ้าง เนื่องจากด้านล่างสุดของเฟรมจะแตะผิวถนนก่อนที่
ที่วางเท้าจะแตะถนนซะด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามหากคุณควบคุมการเลี้ยวโดยไม่ต้องเอียงตัวรถมากเกินไป
ก็รับรองว่าจะสร้างรอยยิ้มให้กับคุณได้ในทุกโค้ง
การสตาร์ทเครื่องยนต์หากคนขี้เกียจก็อาจจะกดปุ่มสตาร์ทได้ทันที แต่หากอยากออกแรงก็มีคันสตาร์ท
ที่เท้าให้ใช้งานได้ กะจังหวะหัวลูกสูบดีๆคุณก็จะสตาร์ทติดในครั้งเดียว และที่เด็ดคือแม้ว่าคันสตาร์ทเท้าจะ
อยู่ในตำแหน่งล่างสุดคุณก็ยังจะสามารถสตาร์ทเครื่องได้ บิดคันเร่งแล้วคุณก็จะได้ยินเสียงคำรามด้วย
ตัวโน้ตที่เสนาะหูซึ่งเหมาะสมกันดีกับรูปลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์คันนี้
แม้ว่าทาง GT จะบอกว่ามอไซค์คันนี้จะให้แรงบิดสูงสุดที่ 32.5 ปอนด์ฟุตที่ความเร็วรอบ 4000 รอบต่อนาที
และให้แรงม้าที่ 29 แรงม้าที่ 4100 รอบต่อนาที แต่ความรู้สึกเหมือนเครื่องยนต์จะหนืดๆในทุกความเร็วรอบ
แต่การส่งพลังของเครื่องยนต์นั้นถือว่าราบเรียบดี และการปรับแต่งการจ่ายน้ำมันนั้นถือว่าแม่นยำใช้ได้
และที่เหมือนกับมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าๆนั้นคือเครื่องยนต์จะสั่นละส่งผ่านตัวควบคุมมากกว่าปกติ
หากคุณคุ้นเคยกับการขับมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ คุณอาจจะรู้สึกประหลาดๆ แต่เมื่อคุ้นเคยกับมอไซค์คันนี้แล้ว
ก็ยังไม่ถือว่าเลวร้ายซะเลยทีเดียวผลการขับขี่ืถือว่าไม่เลว แต่ถ้าจะขับมากกว่าสองสามชั่วโมงแล้ว
ละก็อาจจะไม่เหมาะนัก
คลัชของมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็เบาดี มีช่วงในการจับของคลัชกว้างดีซึ่งเหมาะสำหรับนักบิดที่ไม่คุ้นเคยกับ
คลัชแบบแมนน่วลมากนัก ระบบเกียร์ช่วงสั้นๆระหว่างแต่ละเกียร์แต่อัตราส่วนนั้นก็ถือว่าเหมาะสมเมื่อเทียบกับ
กำลังที่จำกัดของเครื่องยนต์ การเร่งบิดทางตรงอาจจะไม่น่าประทับใจมากนัก
เรื่องเบรกไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล ทุกอย่างสามารถหยุดใด้ดั่งใจสั่ง
หากคุณมองหามอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ ที่ให้ความมันส์ในการขับขี่ไปในเมืองแล้วละก็ มอเตอร์ไซค์แนวเรโทรจาก
Enfield คันนี้น่าจะเป็นตัวเลือกต้นๆของคุณ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้วิ่งเร็วมาก แต่ก็ถือว่าใช้ได้
หน้าตาดูสวยงามและให้พลังที่พอเหมาะ และราคาที่ต่ำกว่า 200,000 (ในอเมริกา)
ถือว่าไม่ถึงกับต้องทุบกระปุกออมสินกันหรอกนะครับ
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล: mocyclover.com