เป็นเบรกที่ให้ประสิทธิภาพในการหยุดรถดีที่สุด แต่จะทำให้รถเสียความสมดุล : จาก ภาพที่(2)
จะเห็นว่าจากตำแหน่งของรถและผู้ขี่ในสภาวะปกติ(ภาพลายเส้นสีฟ้า) เมื่อกดเบรกหน้า
น้ำหนักเกือบทั้งหมดของรถจะถูกเหวี่ยงมาด้านหน้าผ่านโช้คลงไปสู่ล้อหน้า
(นี่แหละที่มาของคำว่า “เบรกหัวทิ่ม”) ณ จุดนี้จึงเป็นการลดความเร็วของรถทั้งคันอย่างแท้จริง
(เพราะมันมารวมอยู่ที่ล้อหน้าเกือบหมดแล้ว) แต่ด้วยน้ำหนักดังกล่าวนี้เองทำให้ช่วงหน้าหนัก
เป็นผลให้รถเลี้ยวยาก
2. เบรกหลัง (Rear Brake)
ให้ประสิทธิภาพในการเบรกน้อยกว่า แต่รถมีความสมดุลมากกว่า : จาก ภาพที่(3)
เนื่องจากเมื่อกดเบรกหลังจะมีน้ำหนักบางส่วนกดลงมาที่ล้อหลังแต่ส่วนใหญ่จะยังคงถูกเหวี่ยง
ไปยังด้านหน้าของรถตามแรงโมเมนตัม ณ จุดนี้จึงเป็นการลดความเร็วเพียงบางส่วนของทั้งหมด
เพราะความเร็วส่วนที่เหลือได้ถ่ายไปยังด้านหน้ารถ (ฉะนั้นถึงแม้เบรกจนล้อหลังล็อค
รถก็ยังคงวิ่งต่อไปได้ด้วยล้อหน้า) ทำให้ใช้ระยะทางในการเบรกมากกว่า
แต่นี่เองทำให้น้ำหนักของรถกระจายไปยังล้อหน้า-หลังอย่างสมดุล
เป็นผลให้ควบคุมรถในขณะเบรกได้ง่าย
วิธีการเบรกที่ถูกต้องจะใช้เบรกหน้าและหลังเป็นหลัก และจากคุณสมบัติของเบรกที่กล่าวมาข้างต้น
เราจึงสามารถสรุปได้ว่า การเบรกที่ดีควรให้น้ำหนักการกดเบรกหน้าประมาณ 70-80% และ
หลังประมาณ 20-30% และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรกดเบรกหลังก่อนเล็กน้อยเพื่อการกระจายน้ำหนักและ
ประสิทธิภาพการเบรกที่ดีกว่า แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ให้กดพร้อมกันเลย
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล: stormclub.com