1. ผู้ซื้อควรตรวจสภาพรถและข้อมูลรถมอเตอร์ไซค์ก่อนทำการประมูล
2. ผู้เข้าร่วมประมูลต้องมาลงทะเบียน พร้อมวางเงินประกัน(ค่าป้ายหมายเลขผู้ประมูล)
จำนวน 5,000 บาท ประมูลไม่ได้สามารถรับเงินประกันคืนได้ในวันเดียวกัน
3. แสดงเจตนาการประมูลซื้อรถจักรยานยนต์ด้วยวิธียกป้ายหมายเลขประมูลเท่านั้น
(ถ้าแสดงโดยวิธีอื่น โฆษกจะไม่นับขายให้) โดยเริ่มการประมูลจากราคากลาง ซึ่ง
หากผู้เข้าประมูลเสนอซื้อมากกว่า 1 ราย โฆษกจะปรับราคาขึ้นครั้งละ 1,000 บาท
และ ผู้เสนอซื้อในราคาสูงสุดจะเป็นผู้ชนะการประมูล
4. ผู้ชนะการประมูลต้องลงลายมือชื่อในเอกสารหลักฐานการประมูล และ
มีเจ้าหน้าที่พาไปชำระเงินมัดจำ
5. กรณีที่ประมูลรถจักรยานยนต์ได้ ต้องชำระเงินดังนี้
5.1 ชำระเงินในวันประมูล
• วางเงินมัดจำ 10% ของราคารถที่ประมูลได้ หรือขั้นต่ำ 5,000 บาท
โดยชำระเงินเป็นเงินสด หรือบัตรเครคิตวีซ่าการ์ด ,บัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด
(กรณีชำระด้วยบัตรเครคิต จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรเครดิตเป็นเงินสด)
• ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของเงินมัดจำ (กรณีรถที่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม)
• ค่าดำเนินการ 1,605 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
5.2 ชำระเงินส่วนที่เหลือภายในวันพฤหัสบดีก่อน 12.00 น.
6. ผู้ชนะการประมูลมีความประสงค์ขอเปลี่ยนชื่อผู้ซื้อหลังจากหนังสือสัญญาออกแล้ว
บริษัทฯจะเปลี่ยนให้ หากมีเหตุผลอันสมควรโดยคิดค่าใช้จ่ายดังนี้
- รถที่ประมูลได้ราคาจบน้อยกว่า 10,000 บาท ต้องชำระค่าเปลี่ยนชื่อผู้ประมูล
คันละ 3,000 บาท ต่อการเปลี่ยนชื่อ 1 ครั้ง
-รถที่ประมูลได้ราคาจบตั้งแต่ 10,000 บาท ต้องชำระค่าเปลี่ยนชื่อผู้ประมูลคันละ 30%
ของราคาจบการประมูล
7. ผู้ประมูลได้จะต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียม, ค่าภาษี, ค่าปรับ,
ค่าจดทะเบียนในการขอใช้รถใหม่ (กรณีรถมอเตอร์ไซค์ที่ประมูลได้มีการแจ้งหยุดการใช้รถไว้)
และ เงินเพิ่มภาษีนิติบุคคล (รถประมูลแบบนิติบุคคลที่โอนไม่เกิน 2 ต่อ ถ้ามี)
รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนโอนและการรับโอนกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์
8. กรณีที่ผู้ซื้อประมูลรถได้และไม่ปฏิบัติตาม ข้อ 4, ข้อ 5.1 บริษัทฯ ถือว่าท่านมีเจตนาก่อกวน
และทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทฯ และผู้ประมูลซื้อคนอื่น บริษัทฯจะดำเนินการกับท่านตามที่บริษัทฯ
เห็นสมควร
ที่มาข้อมูล: union-auction.com