ทำการแข่งขันในรุ่นใหญ่สุดของโลกรถแข่งโรงงาน และรับแชมป์โลกมาครองได้อย่างขาวสะอาด
จนมาในปี 2014 นี้ ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาก็ยังไม่มีท่าทีว่าความแรงจะสร้างลงแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะเจอกับสภาพสนามที่มีทั้งโค้งกว้างไฮสปีดสุดๆ ไปจนถึง สนามที่มีลักษณะโค้งหักศอกแบบไร้เยื่อใย
แม้กระทั่งสภาพอากาศทั้งกลางวันและสนามกลางคืนที่ การ์ต้าเซอร์กิต ไปจนถึงสภาพอากาศ
ที่ทั้งแห้งและเปียก Marc Marquez สามารถผสานพลังเป็นหนึ่งเดียวกับ Honda RC213V
รับแชมป์ประจำสนามมาได้ตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2014
นับว่าเป็นความสุดยอดที่ผสมผสานกันระหว่างนักแข่งและรถแข่งอย่าง Honda RC213V อย่างชัดเจน
ซึ่งกว่าที่ Honda RC213V จะกำเนิดมาได้นั้นต้องบอกว่า มีต้นกำเนิดที่น่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียว
ตั้งแต่มีการประกาศในปี 2000 ว่าการแข่งขันรถสูตรโรงงานจะทยอยเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ 500 ซีซี 2 จังหวะ
เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ พร้อมกับกติกาแฮนดี้แคปเพิ่มความจุให้กับ 4 จังหวะ เพราะในสมัยนั้น 4 จังหวะ
จะเสียเปรียบ 2 จังหวะในเรื่องของความแรง ในปี 2001 จึงมีการผลิตตัว 990 ซีซี ออกมาและ
มีการประกาศศักดาเต็มตัวในปี 2002 ที่ Honda 4 จังหวะสามารถคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ
กับรถรหัส Honda RC211V ที่เป็นรถสูตรโรงงาน 4 จังหวะในยุคมิลเลเนี่ยม ซึ่งรหัส 211 V
นั้นก็มาจากการพัฒนาตัวรถครั้งใหญ่ในศตวรรษที่ 21 และ V นั้นก็มาจากพื้นฐานเครื่องยนต์ที่ตั้งในตัวรถ
เป็นลักษณะตัว V ก่อนที่จะไปตระเวณล่าแชมป์จนมีกติกาให้ตอนความแรงออกเพราะดูเหมือนว่าการ
พัฒนา 4 จังหวะยุคใหม่นั้น แรงมากเกินความคาดหมายจริงๆ
รหัส Honda RC211V ในช่วงปี 2002-2006 มีการพัฒนาแรงม้าขึ้นมาตามลำดับหลังจากมีการตอนซีซีลง
ไปให้น้อยกว่าตอนเปิดตัว ในปี 2003 แรงม้าสูงสุดของ Honda RC211V อยู่ที่ 197 แรงม้า
กับน้ำหนักรถที่ 145 กก. แต่ในปี 2003-2006 ยังคงใช้รหัสเดิมคือ Honda RC211V และ
ทำการเปลี่ยนระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบใหม่ เปลี่ยนความจุถังน้ำมันใหม่
ทำให้เกิดน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 148 กก. แต่แรงม้านั้นก็เพิ่มตามขึ้นมาเช่นเดียวกันที่ 237 แรงม้า
มาเปลี่ยนแปลงอีกทีเป็นรหัส Honda RC212V ในปี 2007-2011 กับสเป็คเครื่องยนต์ 800 ซีซีตามกติกา
เพราะตอนนั้นทางผู้จัดเห็นว่า ความแรงมีมากเกินไปแล้วจึงร่างกติกาใหม่ขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยต่อนักแข่งเอง
แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะการที่ลดซีซีลงมานั้นทำให้นักแข่งแต่ละคน เล่นกันแบบ “อยู่มือ” มากยิ่งขึ้น
หลังจากที่ได้เจอของแรงๆ กันมาในปีก่อนอาจจะเดินคันเร่งกันไม่เต็มมือ แต่ในในคราวนี้
บิดกันได้แบบเต็มมือมากยิ่งขึ้นทำให้เวลาต่อรอบในแต่ละสนามไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก
ก่อนที่จะมาปรับอีกครั้งในปี 2012 จนถึงปัจจุบันกับรหัส Honda RC213V ก็ได้อดีตแชมป์โลกอย่าง
Casey Stoner มาเป็นผู้ทดสอบอีกครั้ง โดยตัวรถที่มากับความแรงมากกว่า 230 แรงม้านี้จำเป็นที่จะต้อง
มีการพัฒนาอยู่อย่างตลอดเวลา ในส่วนของเครื่องยนต์จึงมีการเอาองศาการวางเครื่องยนต์มาใช้อีกครั้ง
โดยยืนยันที่จะเป็นวางแบบ V ที่ 90 องศา เพราะเนื่องจากมีบางค่ายใช้ทฤษฏีนี้แต่มีปัญหาในเรื่องของน้ำหนัก
แต่ทางวิศวกรของ Honda สามารถจัดวางองศาได้อย่างถูกต้อง และสามารถจัดการกับน้ำหนักของเครื่องยนต์ได้
ทำให้มีการปลดปล่อยแรงม้าออกมาได้เต็มฝูง จุดที่ทำการพัฒนาใหม่ขึ้นมานี้รวมไปถึงการรองรับความแรง
ในเรื่องของเฟรมตัวถังอีกด้วย ที่จะต้องทำให้แข็งแกร่ง แต่ก็มีน้ำหนักเบา จึงมีการใช้วัสดุอลุมิเนียมแบบพิเศษ
ที่สามารถทนต่อแรงบิดได้สูงมาใช้ในรถตัวนี้อีกทีนึง ไปจนถึงสวิงอาร์มได้มีการออกแบบใหม่เพราะเนื่องจาก
พลังที่มากกว่า 230 แรงม้า กับรถที่มีน้ำหนักเพียง 160 กก. จะเป็นเรื่องง่ายมากที่เวลาบิดแล้วล้อหน้า
จะยกให้เกิดอุปสรรค เพราะฉนั้น ระบบกันสะเทือนทั้งหน้าและหลังจึงเปลี่ยนแบบยกเซ็ทเป็น Ohlins
ก่อนที่จะซับความแรงสู่ยางหลัง เพราะตามกติกานั้นหนึ่งสนามสามารถใช้ยางสลิคได้ 20 เส้น และฝน 12 เส้น
แต่ถ้ามีสภาพอากาสที่ฝนตกอยู่ตลอดกติกาอนุโลมให้ใช้ยางฝนได้ 14 เส้น เมื่อกติกามีการบีบรัดเพื่อความเสมอภาค
ความแรงส่งผ่านมายังเฟรมตัวถังไปจนถึงยางจึงจำเป็นที่จะต้องมีการถ่ายเทน้ำหนักให้สมดุลย์ที่สุด
ขนาดที่เหมาะสมจึงอยู่ที่ ยางหน้า: 125/ 60R16.5 และยางหลัง 190 / 65R16.5 ที่เห็นได้ว่าการเข้าโค้งนั้น
ก็เอียงรถจนเกิน 60 องศา เข้าไปแล้ว Honda ทีมโรงงานจัดให้นักแข่งปลดปล่อยความสามารถได้เต็มที่และ
โชว์ต่อหน้าชาวโลกเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
ไปจนถึงระบบเบรคเพื่อความปลอดภัย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้แบบที่ทนความร้อนได้เกิน 400 องศา
ซึ่งก็หมายความว่า เวลามาด้วยความเร็วสูง เราอาจจะเห็นการเบรคที่หนักถึงขั้นที่จานดิสก์เป็นสีแดงก็เป็นได้
แต่ด้วยเทคโนโลยี จานดิสก์เบรคจึงมีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เป็นตัวช่วย เป็นองค์ประกอบสุดท้าย
ของการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบนี่ก็เป็นที่มาของรถแชมป์คนล่าสุด และแชมป์ประจำสนามตั้งแต่เปิดฤดูกาล
ที่ยังไม่เคยเป็นรองใครกับ Marc Marquez อุปสรรคมากมายยังรออยู่ นักแข่งทีมโรงงานก็พร้อมจะฝ่าเช่นเดียวกัน
คุณภาพที่มาจากสนามแข่งสู่ เทคโนโลยีที่ทุกคนสัมผัสได้มีอยู่ในชื่อ Honda
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล: aphonda.co.th