เรื่องราวในยุคเริ่มต้นของระบบกันสะเทือนหน้าแบบสปริงเกอร์ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคแรกของรถมอเตอร์ไซค์
และเริ่มหายไปจากสายการผลิตในช่วงปี 1950 จากการคิดค้นระบบกันสะเทือนหน้าแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
และราคาถูกกว่าอย่าง Telescopic แต่ระบบกันสะเทือนหน้าแบบสปริงเกอร์ก็ยังเป็นระบบที่คลาสสิกและน่าเก็บสะสม
สำหรับ HD นั้น หลังจากที่ได้มีการนำเอาระบบกันสะเทือนหน้าอย่าง Hydra Glide
มาใช้กับรถในแบบเครื่องยนต์ Panhead ในปี 1949 แล้ว ต้องรอเกือบ 40 ปี
ถึงจะได้มีการนำเอาช่วงหน้าแบบสปริงเกอร์มาใช้ใหม่กับรถในตระกูล Softail อย่าง FXSTS Springer Softail
ที่ข้ามกาลเวลามาใช้ในยุคเครื่องยนต์ Evolution โดยถูกแนะนำออกมาในปี 1988 และถือเป็นวาระเฉลิมฉลอง
ครบรอบ 85 ปีของ Harley-Davidson ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีรถที่ผลิตออกมาจากโรงงานในระบบช่วงหน้าสปริงเกอร์เลย
โดย Springer Softail ใช้ตะเกียบหน้าที่ออกแบบมาคล้ายกับรถในยุค 1940 พร้อมกับกระบอกโช้คที่ติดตั้ง
ในตำแหน่งเดียวกับ Monroe Shock Absorber แต่ใช้ล้อหน้าขนาด 19” และบังโคลนหลังแบบ Bobtail ตูดเป็ด
ในช่วงปี 1995 ทาง HD ได้มีการแนะนำรถในแบบสปริงเกอร์มาอีกหนึ่งโมเดลคือ FXSTSB Bad Boy
โดยใช้ระบบกันสะเทือนหน้าและขนาดล้อแบบเดียวกันกับรุ่นพี่อย่าง Springer Softail แต่ต่างกันที่ชุดสปริงเกอร์
ของ Bad Boy จะมีสีดำมาจากโรงงาน ในปี 1997 เป็นปีสุดท้ายของ FXSTSB Bad Boy แต่ HD
ก็ได้แนะนำรถสปริงเกอร์รุ่นย้อนยุคเต็มตัวสู่ตลาด โดยใช้รหัสว่า FLSTS Heritage Springer
ซึ่งรถรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก EL และ FL Panhead ในปี 1948 โดยใช้ระบบช่วงหน้าแบบสปริงเกอร์
ชุบสีโครมเมี่ยม แตรติดอยู่บนด้านหน้าของชุดสปริง ไฟหน้าหัวกระสุน และไฟสปอตไลท์คู่
ล้อหน้า-หลังแบบซี่ลวดขนาด 16” พร้อมยางขอบขาว บังโคลนหน้าแบบย้อนยุคพร้อมหัวไฟติดตั้งบนบังโคลน
และแผ่นปิดกระเดื่องล้อหน้า ส่วนบังโคลนหลังคลุมล้อมาพร้อมกับไฟท้ายแบบป้ายหลุมศพ Tombstone
ท่อไอเสียออกซ้าย-ขวา พร้อมปลายท่อแบบหางปลา Fishtail กระเป๋าหนังซ้ายขวาประดับด้วยพู่หนัง
เบาะนั่งพร้อมรางเหล็กด้านหลังแถมด้วยพู่ติดมากับเบาะ
Heritage Springer ถูกผลิตในแบบเครื่องยนต์ Evolution มาจนถึงปี 1999 พอเข้าสู่ปี 2000
ก็ได้มีการเปลี่ยนมาใช้ระบบเครื่องยนต์ Twin Cam ซึ่งเป็นการออกแบบตัวเฟรมใหม่ให้ใหญ่ขึ้น
เพื่อรองรับเครื่องยนต์ TC88B ที่มีระบบ Counter Balance ลดอาการสั่นของเครื่องยนต์เดิม
และใส่ชุดเกียร์ปะกบเข้ากับเครื่องยนต์ ไม่ใช่แบบแยกชุดเกียร์เหมือนกับตัว Evolution
ระบบเบรกหลังและกันสะเทือนหลังถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ Springer
ไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่ปี 1988 นั่นก็คือระบบเบรกหน้าแบบ Caliper เดี่ยว ที่ให้ประสิทธิภาพ
การเบรกต่ำเมื่อต้องนำมาใช้กับรถน้ำหนักขนาด 300 กก. ขึ้นไป เหตุผลหนึ่งที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับ
ระบบเบรกหน้าที่ HD ไม่พัฒนาในระบบช่วงหน้าแบบสปริงเกอร์ คือความแข็งแรงของโครงสร้างตัวตะเกียบหน้าแบบนี้
ไม่สามารถรับแรงเบรกของคาลิปเปอร์ประสิทธิภาพสูงได้ แรงกดที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลให้
ตะเกียบหน้าหักก็เป็นไปได้
ในปี 2001 FLSTS ก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของกระเป๋าข้างที่จากเดิมมีพู่ห้อย มาเป็นกระเป๋าหนังแบบเรียบๆ
ไม่มีพู่อีกต่อไป และในปี 2003 ซึ่งเป็นปีฉลองครบรอบ 100 ปีของ HD ก็เป็นปีสุดท้าย
ของรหัส FLSTS Heritage Springer ซึ่งในปีนี้ได้มีการออกรุ่น Two Tone พร้อมป้ายเหล็ก 100th
มาเป็นรุ่นสุดท้าย โดยมีบางกระแสบอกว่า ที่ HD เลิกผลิตรถรุ่นนี้มีสาเหตุมาจากระบบลูกปืนคอมีปัญหาง่าย
และแนะนำให้ทำการซ่อมบำรุงทุกๆ ระยะ 4,000 กม. โดยทำการอัดจารบีพิเศษของ HD
รถในแบบช่วงหน้าสปริงเกอร์พร้อมล้อหน้าขนาด 16” หายไปในปี 2004 แต่แค่เพียงปีเดียวเท่านั้น
พอปี 2005 HD ก็ได้แนะนำรถรุ่นใหม่ภายใต้รหัส FLSTSC Softail Springer Classic
สู่ตลาดโดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางจุดให้ดูทะมัดทะแมงยิ่งขึ้น เมื่อนำไปเทียบกับคุณปู่ต้นแบบอย่าง
FL 1948 แล้ว FLSTSC ดูใกล้เคียงต้นฉบับมากกว่ารุ่นพี่อย่าง FLSTS อันเนื่องมาจากช่วงหน้าสปริงเกอร์
ที่ทำสีดำมาจากโรงงาน ตัดเอาไฟสปอตไลท์คู่ออก และเอาชุดแตรด้านหน้าออกไปด้วย
พร้อมกับกระเป๋าข้างที่เคยมีมาให้ในรถรุ่นก่อนก็หายไปในรถรุ่นนี้
จนมาถึงปี 2007 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของ FLSTSC โดยในปีนี้ HD ได้มีการออกเครื่องยนต์ตัวใหม่ TC96 เป็นปีแรก
และก็เป็นปีแรกที่ HD ยกเลิกระบบเครื่องยนต์แบบ Carburetor และเปลี่ยนมาใช้ระบบหัวฉีดในรถทุกรุ่น
ทำให้ FLSTSC Softail Springer Classic ได้ใช้เครื่องยนต์ใหม่ตัวนี้ไปด้วย
พร้อมกับระบบเกียร์ชุดใหม่ขนาด 6 speed ที่ถูกนำมาใช้เป็นปีแรกของรถในตระกูล Softail
ในระหว่างที่ FLSTSC อยู่ในตลาดในช่วงปี 2005 ถึง 2007 แต่รุ่นพี่อย่าง FXSTS Springer Softail
ไม่เคยหายไปจากสายการผลิตนับตั้งแต่ปี 1988 มาจนถึงปี 2006 ซึ่งนับว่าเป็นปีสุดท้ายของพี่ใหญ่
ที่เริ่มต้นบุกเบิก Springer Frontend เป็นรุ่นแรก สิ่งที่เปลี่ยนไปในรถปี 2006 ของ FXSTS คือ
ล้อหลังขนาด 200 มม. ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถรุ่นนี้
ในปี 2008 HD ได้เข็นเอาน้องใหม่ล่าสุดของช่วงหน้าแบบ Springer ออกสู่ตลาด
โดยใช้รหัสว่า FLSTSB Cross Bones ที่ใช้เครื่องยนต์ TC96 กับระบบเกียร์ 6 speed
ที่เพิ่งถูกนำมาใช้เป็นปีที่ 2 รถรุ่น Cross Bones ใช้ระบบ Springer Frontend
ที่ถูกพัฒนามาจาก FLSTSC โดยทำสีตะเกียบเป็นสีดำ พร้อมกับ Monroe Shock Absorber สีโครเมี่ยม
แต่ตัวเครื่องยนต์แตกต่างจากรุ่นพี่ที่ผ่านมาโดยหัวเครื่องและฝา Primary เป็นแบบปัดเงา
ส่วนตัวครีบเครื่องเป็นสีดำที่ไม่มีการล้างครีบเครื่องด้านข้าง บังโคลนหลังเปลี่ยนมาเป็นแบบ Bobtail
ที่เคยใช้ใน FXSTS ในอดีต เบาะสปริงใบบัวขนาดใหญ่ที่ทำให้รถดูย้อนยุคกลับไปในปี 1948 อีกครั้ง
ในช่วงปี 2008 กระแส Vintage และ Bobber ค่อนข้างแรงทั่วโลก ทำให้ HD นำเอา Floor Board
แบบ Half-Moon มาใช้กับ Cross Bones รวมไปถึงบังโคลนหน้าหั่นสั้นในสไตล์ Bobber
พร้อมกับแฮนด์แบบ Mini Ape ที่เคยนิยมในช่วงยุค 70 และเคยใช้กับ FXSTS ในอดีตก็ถูกนำกลับมาใช้ใหม่
ในรถรุ่นนี้ Air Filter Cover ของ Cross Bones ก็แตกต่างจากรถรุ่นอื่นในปีเดียวกัน โดยใช้ Round Cover
ที่เคยใช้ในรถยุค Evolution แต่ทำสีดำให้กลมกลืนกับตัวเครื่องยนต์ อีกส่วนหนึ่งที่ดูแปลกตาในรถรุ่นนี้คือ
ล้อหลังขนาด 200 มม. ที่แตกต่างจาก Springer ในยุคก่อนที่ใช้ล้อหลังขนาด 150 มม.
FLSTSB Cross Bones อยู่ในตลาดมาจนถึงปี 2011 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของระบบช่วงหน้า Springer ในยุคปัจจุบัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในระบบรถช่วงหน้าแบบ Springer ของ HD ในยุคนี้
ตั้งแต่เริ่มต้นเปิดตัวมาในปี 1988 จนถึงปี 2011 ก็คือ Caliper เบรกหน้าที่ยังคงใช้แบบ Caliper เดี่ยว
มาตั้งแต่โมเดลแรกจนถึงโมเดลสุดท้าย จะมีก็แต่ FXSTSSE3 ซึ่งเป็นตัวสุดท้ายของตระกูล CVO Springer
ในปี 2009 ที่ใช้ระบบ Caliper พอร์ตคู่เท่านั้น
ล่าสุดในปี 2015 HD ก็ยังไม่มีรถในระบบช่วงหน้า Springer แนะนำออกมา
แต่คงอีกไม่นานที่ HD จะนำเอาระบบช่วงหน้าแบบคลาสสิกนี้ออกมาแนะนำสู่ตลาดอีกครั้ง
เหมือนกับรุ่นอื่นๆ ของ HD ที่ถูกเข็นออกมาใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั่วโลก
ของรถในสไตล์ Classic Cruiser...
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล: hd-playground