BMW S1000RR กับ BMW HP4 สองรุ่นนี้แตกต่างกันยังไร

หลังจากล่ารางวัลรถยอดเยี่ยมของปี 2012จากหลายๆสถาบันมาแล้ว BMW ยังคงพาเจ้า S1000RR
คันนี้ก้าวกระโดดต่อไปข้างหน้า สำหรับปี2013ที่จะมาถึงนี้ด้วยการผลิตแบบจำนวนจำกัด หรือ
limited edition ใช้ชื่อรุ่นว่า HP4 ในส่วนของเครื่องยนต์สี่สูบเรียงถูกถ่ายทอดมาจาก S1000RR
ขนาดความจุที่ 999cc,193 แรงม้าไว้เช่นเดิม
แล้วอะไรที่พิเศษล่ะ…ที่ทำให้มันเป็นรถ limited edition ???
มันคือการที่BMWยกชุดเทคโนโลยีช่วงล่างล่าสุดเท่าที่รถที่ผลิตขายในท้องตลาดเคยทำมา บรรจงใส่ให้กับรถคนนี้!!!
นั่นคือระบบ Dynamic Damping Control (DDC) ที่สามารถปรับลักษณะการทำงานได้อัตโนมัติตามสภาพและ
รูปแบบการขับขี่ของเรา ด้วยชุดวาล์วelectricที่สามารถปรับจังหวะยืดของช่วงล่างหรือความหนืดของช่วงล่าง
ให้อยู่ในสภาพที่สามารถตอบสนองการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด
Dynamic Damping Control เป็นการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีช่วงล่างจากในอดีตอย่างระบบ
Electro Suspension Adjustment(ESA) ของBMW เอง หรือระบบช่วงล่างตัวกลั่นล่าสุดจาก
Ducati 1199 panigaleเองที่ใส่ชุด electronicลงในช่วงล่างของ Ohlins
Dynamic Damping Control คือเมื่อเรากดปุ่มคำสั่งเปิดใช้ระบบเพียงครั้งเดียวระบบทั้งหมดจะดำเนินการ
ปรับเปลี่ยนลักษณะของความหนืดของช่วงล่างในรูปแบบต่างๆตามลักษณะการขับขี่เองโดยอัตโนมัติ โดย
เราไม่ต้องป้อนข้อมูลหรือปรับเซ็ทใดๆอีกเลย ตรงจุดนี้เป็นผลพวงจากระบบช่วงล่างของรถยนต์BMWนั่นเอง
ระบบDDCจะประสานการทำงานของวาล์ว electronicและลูกสูบที่จะควบคุมปริมาณการไหลของน้ำมันภายในตัว
ช็อคให้เกิดความหนืดที่จะส่งผลกับระยะยืดตัวของช่วงล่าง ในส่วนของจังหวะการยุบตัวหรือความแข็งอ่อนของช่วงล่างตรงนี้เราสามารถปรับตั้งได้ด้วย”มือ”เท่านั้นครับ
ระบบ DDC จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับตามจุดต่างๆของรถ เช่น การยืดและยุบตัวของspring, ความเร็วที่ใช้ในขณะนั้น,
องศาการเอียงรถในขณะเข้าโค้ง เป็นต้น โดยมีการเซ็ทค่าไว้ทั้งหมด15ระดับให้เหมาะสมกับกายภาพและสไตล์การขับขี่ของนักบิดแต่ละคน

BMW ได้ปรับปรุงรายละเอียดในจุดอื่นๆอีกมากมายเพื่อที่จะเป็นผู้นำทั้งด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีให้เหนือกว่ารถค่ายอื่นๆ
เช่นระบบ Dynamic Traction Control(DTC), ระบบABS, ระบบโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบ สภาพถนนเปียก,
แบบsport, แบบrace และ แบบslick ที่มีการทำงานแตกต่างจาก S1000RRตัวแรกที่ทำงานด้วยการตัดรอบเครื่องเพื่อ
ลดกำลังเครื่องให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ที่เราตั้งไว้ แต่สำหรับตัวHP4นี้เราจะไม่รู้สึกว่ากำลังจะหดหายไปไหนในโหมด RAINเลย กำลังเครื่องจะทะลักทลายออกมาอย่างดุดันเหมือนกันทั้งสี่โหมด
ซึ่งถ้ามองลึกลงไปถึงรายละเอียดที่เด่นชัด ก็มีดังนี้

เบรกหน้าจาก  brembo ตัวบน ๆ ก็กลายมาเป็น monobloc ที่แม่ปั๊มหล่อขึ้นรูปชิ้นเดียว ไม่มีรอยต่อ 
แข็งแรงทนทานและเบรคได้คมกว่า ส่วนปั๊มบนก็เปลี่ยนเป็นตัวtop ด้วย เพื่อไม่ให้เสียชือ
แฟริ่งparts หลายชิ้นเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ แน่นอนว่าเพื่อการลดน้ำหนัก และ
เนื่องจากมันเกิดมาเพื่อสนามแข่งเป็นหลัก เบาะคนซ้อนและพักเท้าได้ถูกถอดออกเป็นที่เรียบร้อย
วงล้อจากอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป เปลี่ยนเป็นอลูมิเนียมforceแทน มันดียังไง เอาแบบคร่าว ๆ เข้าใจง่ายคือ
แข็งแรงและเบากว่าราว ๆ 20-40 เปอร์เซ็นเลย ซึ่งก็แล้วแต่ผู้ออกแบบ ล้อยังคงใช้ขนาดเท่าเดิมที่ 3.5/6 นิ้ว 
แต่รัดยางมาคนละรุ่น และยางหลัง อัพไซด์จาก 190/55 เป็น 200/55

ทีสังเกตุได้อีกอย่างคือมีสติกเกอร์DDC ติดมาด้วย ที่สวิงอาร์มของเจ้าhp4 แน่นอนว่ามันคงไม่ได้ต่างกันที่
สติ๊กเกอร์ 555 DDC คือระบบ Dynamic Damping Control แปลตรงๆ ก็ระบบความคุมค่า damping 
เป็นแปรผัน หรือเอาแบบบ้าน ๆ ก็โช็คเป็นแบบปรับรีบาวน์/คอมเพสต อัตโนมัติ 
แต่ค่าสปริงปรีโหลดยังต้องปรับด้วยมือนะครับ
จากท่อเดิมที่ไม่สวยอย่างแรง มาคราวนี้ให้มาแบบจบเลย ไม่ต้องหาเปลี่ยน กัน Akrapovic 
แต่ยังคงมี catalytic ไว้กรองไอเสีย

จากการอัพอะไหล่อีกหลาย ๆ ส่วนทำให้เจ้า s1000rr ที่เบามาก ๆ อยู่แล้วราว 180kg เหลือเพียง 170 kg 
สำหรับตัว HP4 (เป็นน้ำหนักรถเปล่า ถ้าพร้อมขี่รวมน้ำมันเต็มถังก็บวกอีก 20 kg) ถือว่าเบามาก ๆ 
สำหรับรถคลาสนี้ ถ้ายังคิดไม่ออกว่ามันเบายังไง ลองคิดเล่น ๆ ว่า รถ 1000 cc 
แต่น้ำหนักเท่า ninja 250 กับแรงม้าที่ให้มาราว 190 ตัว ถ้าเอามันอยู่ก็เป็นเจ้าสนามแข่งได้ไม่ยาก
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือผลงานล่าสุดจากค่ายใบพัดสีฟ้า ที่เตรียมตัวต้อนรับในปีหน้า2013ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้
ถือว่าเป็นความเคลื่อนๆไหวของรถ super sportที่น่าสนใจมากๆท่ามกลางกระแสที่เงียบเหงาของรถsuper sport
จากสี่ค่ายญี่ปุ่น ที่ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ รอและรอ…..ติดตามชมกันต่อไปครับ

ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล: pantip.com และคุณ virgo_shaka
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล: thaimocyc.blogspot.com
ขอบคุณภาพประกอบ: MotoUSA
Share on Google Plus