ถึงคราวนี้เราก็จะเจอแบรนด์ยุโรปสองคันนี้มาประชันกัน
โดยค่ายหนึ่งเป็นของอิตาลีซึ่งเป็นรายแรกที่เริ่มต้นผลิตมอเตอร์ไซค์แบบ V-Twin street bike
หลังจากนั้นทางผู้ผลิตสัญชาติออสเตรียก็ออกตัวมาพร้อมกับมอเตอร์ไซค์แรงบิดทรงพลังของตัวเอง
สำหรับปีนี้ทั้งสองค่ายก็ออกรุ่นเนคเก็ตมาให้เราได้ประชันกันว่าค่ายไหนจะยิ่งใหญ่กว่ากัน
บางทีรุ่นที่น่าจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองสูงทั้งในแง่การออกแบบและชื่อเสียง
ก็คงเป็น Ducati กับรุ่น Monster 1200 S
โดยมีราคาวางขายในอเมริกาอยู่ที่ $15,999 หรือราวๆ 480,000 บาท ชื่อเสียงของ Monster ที่ยาวนานกว่า 21 ปี
คราวนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 1198 cc ซึ่งนำมาจากรุ่น 1098/1198 Superbike
โดยเครื่องยนต์ทำหน้าที่สองอย่างคือนอกจากจะเป็นขุมกำลังให้กับมอเตอร์ไซค์แล้วยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างหลักของ
แชสซีเพื่อที่จะลดน้ำหนักของรถลง
โดยมอเตอร์ไซค์คันนี้จะมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนของ Ohlins พร้อมระบบ traction control ที่ได้รับการพัฒนามานาน
เบรก ABS เครื่องยนต์ที่ปรับโหมดได้ ถือได้ว่าเป็น Monster ที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆมาก
ดูแล้วเหมือนว่า Ducati จะมีประวัติอันยาวนาน แต่ค่ายสีเหลืองอย่าง KTM เหมือนจะกำลังสร้างชื่อของตัวเองเช่นกัน
ด้วยมอไซค์ใหม่ Super Duke 1290 R ราคาวางขายในอเมริกาที่ $16,999 หรือราว 510,000 บาท มาพร้อมกับขุมพลัง
ขนาด 1301 cc กับเครื่องยนต์ที่ผ่านการทดสอบมาแล้วอย่างดี 65องศา LC8 V-Twin ภายในเฟรมถัก
พร้อมกันสะเทือนที่มีระยะยุบตัวยาวกว่าปกติ และที่เหมือนกับ Ducati มอเตอร์ไซค์ KTM Duke คันนี้จะมาพร้อมระบบ
traction control เบรก ABS และการแมพปิ้งเครื่องยนต์ปรับได้ 3 ค่า ว่าแต่ระบบอิเลคทรอนิคส์จะเพียงพอกับพลัง
เครื่องยนต์ที่เพิ่มมานี่หรือเปล่าเดี๋ยวเรามาดูกัน
เราพยายามหาคำตอบจากวิ่งทดสอบกันหลายร้อยกิโลเมตรไปตามหุบเขา ปีนป่ายเขาสูงชัน และการวิ่งวนเวียนตามในเมือง
เรายังได้ขับไปบนสนามแข่งเพื่อทดสอบอย่างหนักหน่วงอีกด้วย โดยการทดสอบในสนามแข่งนั้นช่วยให้เราได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ
เครื่องยนต์แบบ Twin ว่าตอบสนองกับการบิดเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากนั้นเราก็เอามาเข้าเครื่องทดสอบประสิทธิภาพ
กันแบบชัดๆ ของมอเตอร์ไซค์แต่ละคัน ตอนแรกเรากะว่าจะได้ทดสอบมอเตอร์ไซค์แนว naked รุ่นใหม่ๆอย่าง
BMW S1000R และ Kawasaki Ninja 1000 ABS ด้วย แต่ด้วยปัญหาเรื่องเวลาเราก็เลยต้องแบ่งทดสอบออกมาเป็นคู่ๆ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ลองดูข้อมูลเปรียบเทียบกันเองนะครับจากกราฟข้างล่าง หวังว่าคงได้ข้อสรุปนะครับว่าเป็นตัวไหน
อย่าลืมนะครับว่าทั้งสองตัวนี้ ซีซีห่างกัน 103cc
กราฟเปรียบเทียบแรงบิด
กราฟเปรียบเทียบแรงม้า
เหวี่ยงขาขึ้นคร่อม Monster นั้นก็จะเข้าสู่ท่านั่งที่คุ้นเคยสำหรับคนที่เคยขับรุ่นก่อนหน้านี้มาก่อน
มอไซค์คันนี้มาพร้อมกับแฮนด์ที่ใหญ่ ติดตั้งยื่นไปด้านหน้าและดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากันกับเส้นสายของเบาะ
หรือแป้นตรงเท่้าซักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับ KTM ที่ดูออกแนวเคลื่อนไหวแต่จะออกไปทางมอไซค์วิบาก
ไปหน่อย เจ้า Monster ให้ความรู้สึกอึดอัดจากเอวลงไป ส่วนด้านบนจะออกแนวดุดันและ
ยึดออกกว้าง แต่หากคุณเป็นคนตัวเล็กอาจจะรู้สึกยินดีกับเบาะนั่งที่ตำกว่าเดิม 2 นิ้วก็ได้เมื่อเปลี่ยนไปตำแหน่งต่ำ
กับมอเตอร์ไซค์ Ducati เหมือนว่าจะต้องเอนตัวไปข้างหน้ามากไปหน่อย การเข้าโค้งนั้นทำได้ดีแต่
การขับบนทางด่วนไม่ค่อยจะแฮปปี้เท่าไหร่ในขณะที่ KTM เหมือนจะรู้สึกดีกว่า
แม้ว่าระยะระหว่างล้อของ Ducati จะยาวกว่าเดิมนิ้วนึง แต่ก็ยังสามารถบังคับเลี้ยวได้ดี ซึ่งส่วนหนึ่งคงต้องยกให้กับ
จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่า KTM ในแง่น้ำหนักแล้ว Monster นั้นเบากว่า KTM อยู่ 3 ปอนด์ด้วยกัน
เมื่อขับช้าลงระบบกันสะเทือนก็จะทำงานได้ดี เราต้องขอให้คะแนนกับ Monster ที่สามารถปรับค่าตะเกียบหน้า Ohlins
ได้เมื่อเปรียบเทียบกับ Duke ที่ปรับค่าไม่ได้
ระบบเบรกของทั้งสองคันนั้นถือว่าสูสี อย่างไรก็ตามสเปครถแข่ง M50 โมโนบล้อค คาลิบเปอร์ของ Ducati นั้น
จะมากับจานเบรกที่ใหญ่กว่าอยู่ 10 มม แต่ผลการทดสอบทั้งสองคันนั้นผลการจับเบรกแทบไม่แตกต่างกัน แม้ว่า
Monster จะมีจานเบรกหลังใหญ่กว่าเล็กน้อยก็ตาม
กรณีเปิดระบบ ABS และตั้งค่าที่เลข 1 พบว่า 1200 นั้นหยุดได้ไวกว่า อันแสดงให้เห็นว่าทาง Ducati ปรับแต่ง ABS
มาเป็นอย่างดี แต่เมื่อปิดระบบอิเลคทรอนิคส์กลับพบว่า Monster ต้องใช้ระยะทางไกลกว่าในการหยุด ซึ่ง
ก็น่าประหลาดใจมากเพราะตะเกียบหน้าของ Ducati ก็ไม่ได้ดำดิ่งซักเท่าไหร่
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล: mocyclover.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก: motorcycle-usa.com