ประกาศราคาจำหน่ายโมเดลที่ประกอบในไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งหวังใช้เป็นทีเด็ดในการรุกชิงตลาดนักบิดหน้าใหม่
เนื่องจากเป็นราคาที่เข้าถึงได้สะดวกที่สุดถ้าเทียบกับรุ่นนำเข้า...หากเงินพร้อมแต่ไม่รู้จะเลือกรุ่นไหนดี “ASTV
ผู้จัดการมอเตอริ่ง” นำข้อมูลรุ่นเริ่มต้นของ 4 โมเดลจาก 3 ยี่ห้อดังที่มีฐานการผลิตในบ้านเรา
มาเปรียบเทียบเพื่อประกอบการตัดสินใจ
เริ่มจากค่ายสีแดงจากอิตาลีใช้เวทีนี้แจ้งราคาจำหน่ายโมเดลใหม่ที่เคยเปิดตัวไปแล้ว สำหรับดูคาติ
สแครมเบิล (Ducati Scrambler) สองล้อสไตล์ย้อนยุคที่สานต่อความคลาสสิกจากรุ่นดั้งเดิมตั้งแต่ปี 70
โดยกลับมาโลดแล่นอีกครั้งพร้อมกับการผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งชูจุดขายว่าเป็นรถที่ขี่ง่าย
เหมาะสำหรับการเริ่มต้น โดยเฉพาะนักบิดที่คิดนอกกรอบและต้องการบ่งบอกความเป็นตัวของตัวเอง
เพราะสามารถตกแต่งได้หลายแนว มีตัวเลือก 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Icon, Full Throttle, Classic และ
Urban Enduro ราคาเริ่มต้น 369,900 บาท (รุ่น Icon สีแดง)
โดยหากพิจารณาจากข้อมูลเทคนิค ท่านั่งออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขี่ควบคุมง่ายเน้นความสบายเป็นหลัก
ด้วยตำแหน่งแฮนด์บาร์ที่สูงและกว้าง รวมถึงเบาะนั่งที่ไม่ต้องถึงกับเขย่งเท้าเวลายันพื้น
ขณะที่ความแรงใช้ขุมพลังเดียวกับที่ติดตั้งอยู่ในรุ่นมอนสเตอร์ 796 หรือเครื่องยนต์ L-Twin 2 สูบ
ขนาด 803 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้า นับว่าเป็นบิ๊กไบค์แนวเรโทร
ที่มีกำลังเหลือเฟือกับการแบกน้ำหนักตัวรถเพียง 186 กิโลกรัม(ดูตารางประกอบ)
หากชอบแนวคลาสสิกแต่ยังไม่โดน ลองมาดูตัวเลือกแบรนด์ดังจากเมืองผู้ดี “ไทรอัมพ์” (Triumph)
ซึ่งใช้งานนี้เป็นเวทีประกาศราคาเช่นกัน แต่เป็นการปรับใหม่แบบยกแผง ตามนโยบายจากบริษัทแม่
ที่ประเทศอังกฤษเพื่อหวังให้เกิดการแข่งขันในตลาดเมืองไทยมากขึ้น โดยลดลงจากเดิมถึง 30-40%
ทำให้ตอนนี้ตัวเริ่มต้นในรุ่นบอนเนวิลล์ (Bonneville) จากเดิม 690,000 บาท
เหลือเพียง 420,000 บาท เท่านั้น
สำหรับด้านรูปลักษณ์ของบอนเนวิลล์ ภายนอกดูจะโดดเด่นมากกว่าตัวเลือกจากแดนมักโรนี
เพราะรุ่นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์หรือภาพจดจำของแบรนด์นี้อยู่แล้ว เพียงแต่ด้วยการคงไว้ซึ่งจุดเด่นของความคลาสสิก
เห็นได้จากการใช้เครื่องยนต์ DOHC 2 สูบเรียง ขนาด 865 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ
ให้กำลังสูงสุด 67 แรงม้า ขุมพลังบล็อกนี้ทำตลาดมานานมากแล้ว ตลอดจนการต้องแบกน้ำหนักตัวรถ
มากถึง 225 กิโลกรัม อาจทำให้ความสนุกด้านการควบคุมยังเป็นรอง
อย่างไรก็ตาม หากเน้นด้านเทคโนโลยีและความสนุกของการขี่ อีกตัวเลือกที่น่าสนใจของบิ๊กไบค์สัญชาติอังกฤษ
ในราคาเท่ากัน สำหรับรุ่นสตรีท ทริปเปิล (Street Triple) สปอร์ตเน็กเก็ตน้ำหนักเบาที่มาพร้อมขุมพลัง
DOHC 3 สูบเรียง ความจุ 675 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า
น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดของนักบิดที่อยากได้สองล้อแบรนด์ยุโรป
ซึ่งมีราคาย่อมเยาและมีสมรรถนะจัดจ้านที่สุดในขณะนี้
ส่วนอีกตัวเลือกที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มสปอร์ตเปลือย โมเดลเด่นจากค่ายหรูใบพัดสีฟ้าอย่างบีเอ็มดับเบิลยู
เอฟ 800 อาร์ (BMW F800R) ก็เป็นอีกรุ่นเริ่มต้นที่จะลืมไม่ได้ เพราะหลังจากเปิดสายการประกอบในไทย
ทำให้ลดต้นทุนด้านภาษีและการขนส่งจากรุ่นนำเข้าที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยูประเทศเยอรมนี 750,000 บาท
ราคาจำหน่ายลดลงเหลือ 440,000 บาท
โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นค่าตัวของโมเดลปี 2014 ที่ใช้ไฟหน้าแบบอสมมาตรสองดวง
เครื่องยนต์ DOHC 2 สูบเรียง ความจุ 798 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 87 แรงม้า
ขณะที่โฉมปี 2015 มีการไมเนอร์เชนจ์เปลี่ยนแปลงบางส่วนตามสมัยนิยม ไฟหน้าหันมาใช้แบบโคมเดี่ยว
และขยับเปลี่ยนมิติตัวรถเล็กน้อย ตลอดจนการปรับจูนเครื่องยนต์บล็อกเดิมให้มีความแรงมากขึ้นเป็น 90 แรงม้า
ซึ่งทางบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยังไม่เปิดตัวหรือแจ้งราคาโมเดลปีล่าสุด
แต่คาดว่าไม่น่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมมากนัก
ทั้งหมดเป็นข้อมูลคร่าวๆ ของบิ๊กไบค์ค่ายยุโรปรุ่นเริ่มต้นที่มีฐานการประกอบในไทย ย้ำอีกครั้งว่า
แค่กางสเปกมาเทียบคงใช้ประกอบการตัดสินใจได้บางส่วน หากจะซื้อสองล้อราคาเกือบครึ่งล้านบาททั้งที
ถ้าให้ชัวร์ไปลองขี่ด้วยตัวเองจะดีที่สุด!
ที่มา: manager.co.th