"ลีสซิ่งกสิกรไทย" ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีนี้ไว้ที่ 7.3 หมื่นลบ. คาดสินเชื่อคงค้างสิ้นปีแตะ 9.1 หมื่นลบ. พร้อมรักษาระดับ NPL ไว้ไม่เกิน 1.91%

นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเช่าซื้่อใหม่ และลีสซิ่งไว้ที่ 73,744 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สิ้นปีบริษัทจะมียอดสินเชื่อคงค้าง 91,950 ล้านบาท จากปี 2558 สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 72,704 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 88,671 ล้านบาท โดยสินเชื่อปี 2558 แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่ง 31,406 ล้านบาท ลดลง 7.62% จากช่วงเดียวกันปีก่อน , สินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 41,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.91% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ตั้งเป้ารักษาไม่ให้เกิน 1.91% จากสิ้นปี 58 อยู่ที่ 1.5%

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ากำไรปีนี้อยู่ที่ 728 ล้านบาท จากปี 58 ทำได้ 655 ล้านบาท สำหรับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ปี 59 คาดว่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงหดตัว 4-8% หรือคิดเป็นยอดขาย 735,000 -765,000 คัน ปัจจัยบวกสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีนี้ คือการลงทุนภาครัฐที่จะเดินหน้ามากขึ้น โดยจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้บริโภค ภาคการท่องเที่ยวก็ยังมีแนวโน้มสดใส ประกอบกับเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ นอกจากนี้รถจากโครงการรถคันแรกเริ่มปลดล็อคปีนี้ปีแรก ทำให้ผู้ซื้อรถที่มีศักยภาพมีโอกาสเปลี่ยนรถใหม่ได้ และจะเป็นช่วงจังหวะการซื้อที่ดี จึงเชื่อว่าค่ายรถและลีสซิ่งต่างๆ จะเสนอโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อมากขึ้น

ส่วนตลาดรถมือสองปี 59 มีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ นอกจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น หลังรถยนต์ใหม่ส่วนใหญ่มีการปรับขึ้นตามอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ ขณะที่ตลาดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ปี 59 มีโอกาสขยายตัวต่อได้ในตัวเลขสองหลัก จากปี 58 มียอดจดทะเบียน 55,658 คัน ขยายตัวกว่า 14% จากปี 57

"หนี้ครัวเรือนในช่วงหลายปีก่อน สินเชื่อเช่าซื้อรถเคยมีบทบาทค่อนข้างมากแต่ปีนี้จะเห็นการเติบโตจำกัด เพราะอยู่ในภาวะพักฐาน สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ที่หดตัวลง ทั้งนี้แม้ว่าสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีจะมีแนวโน้มขยับขึ้น แต่การเติบโตของหนี้ครัวเรือนได้ชะลอความร้อนแรงลง เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต จากหลายปัจจัยกดดันจากทั้งอุปสงค์และอุปทานไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้สะสม ซึ่งอยู่ในระดับสูง ความเชื่อมั่นในการก่อหนี้ใหม่ของภาคครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีหนี้สะสมไม่สูงนัก ยังผูกโยงกับความต่อเนื่องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถาบันการเงินคงใช้นโยบายเครดิตที่ระมัดระวังต่อเนื่องจากปี 57-58" นายทวี กล่าว
ที่มา: bangkokbiznews
Share on Google Plus