Kawasaki Ninja 250 SL ABS สูบเดียวสายสปอร์ต … ตัวเล็ก คล่องตัว !!!

กระแสความนิยมในรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ หรือที่วันนี้คนไทยเรียกติดปากว่า “บิ๊กไบค์” ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สรุปยอดขายรวมตัวเลขแซงหน้ายอดขายปีก่อนไปกว่าเท่าตัวแล้ว โดยเจ้าตลาดที่ครองยอดขายรวมสูงสุด
คงหนีไม่พ้นค่ายยักษ์เขียว คาวาซากิ ที่แม้ไม่ต้องทุ่มเทโปรโมทมากมาย แต่กลับเทขายโมเดลร้อนในไลน์ได้อย่างท่วมท้น
โดยเหตุผลหลักนอกจากการชิงเปิดตลาดก่อนใครแล้ว การเพิ่มทางเลือกด้วยโมเดลใหม่ๆ ที่หลากหลายและครอบคลุม
ต่อเนื่องตลอดเวลาก็ยังเป็นตัวกระตุ้นตลาดชั้นดีที่ช่วยดันให้ยอดขายทะลุเป้าได้เกินคาด
ล่าสุดก่อนปิดงบปีม้าทองยังขย่มตลาดอีกระลอก ด้วยการสะบัดผ้าคลุมเผยโฉมโมเดลใหม่ให้ตลาดได้ฮือฮากับทัพตัวแรงอีกหลายรุ่นด้วย
ไม่ว่าจะเป็นตัวแรงสุดยอดดีไซน์ภายใต้รหัส Ninja H2 หรือจะเป็นรถเที่ยวพร้อมลุยอย่าง Versys1000
ครุยเซอร์คลาสกลางอย่าง VN650 ในขณะที่บิ๊กไบค์ไซส์เอส ที่ตลาดยังมีความต้องการไม่น้อย
ก็เติมเต็มด้วยอีกทางเลือกกับโมเดล Z300 เช่นกัน … นอกจากนั้นแล้ว อีกหนึ่งโมเดลที่ทำยอดขาย และ
ได้รับการตอบรับจากนักบิดไม่น้อยอย่างโมเดล Ninja 250SL ABS ที่เปิดตัวในไทยไปแล้วก่อนหน้า
ภายหลังการเผยโฉมหนแรกในถิ่นบ้านเกิดประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่ต้นปี กับการปรับลุคเปลี่ยนหัวใจใหม่
ซึ่งก็ทำให้มันมีความน่าสนใจในตัวไม่น้อยเหมือนกัน … และครั้งนี้บนพื้นที่ของ Big Bike of The Month
เราจะลองไปสัมผัส และทำความรู้จักกัน
ฟิตหุ่นใหม่ให้สลิม เต็มอิ่มความแรงด้วยขุมพลังสูบเดียว
ภายใต้แนวทางการพัฒนาที่ต้องการเติมความโดดเด่นให้กับน้องเล็กตระกูล Ninja ด้วยอัตราเร่งที่จัดจ้าน และ
ความประหยัดที่เพิ่มขึ้น ทีมวิศวกรผู้พัฒนาของคาวาซากิ จัดการขึ้นภาพร่างให้มันใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดท้าย
ไล่เรียงไปตั้งแต่ระบบโครงสร้างหลักของเมนเฟรม ที่ครั้งนี้เลือกใช้ท่อเหล็กสานขึ้นรูปแทนที่เฟรมเดิมส่งผล
ในการลดน้ำหนักลงไปได้พอสมควร เช่นเดียวกับขุมพลังที่หันหลังให้กับเครื่องบล็อคสูบคู่ที่ขยายความจุไปเป็นไซส์ 300 ซีซี.
มาใช้เครื่องยนต์ขนาด 250 ซีซี. แบบสูบเดียวแทน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบน้ำหนักกับเครื่องยนต์บล็อคเก่าแล้ว
น้ำหนักของมันลดลงไปเกือบ 20 กก.เลยทีเดียว แถมขนาดของเครื่องยนต์ก็ยังเล็กลงตามไปด้วย ส่งผลให้
การออกแบบชุดครอบคลุมของแฟริ่งสามารถบีบให้มันดูเพรียวกระชับได้มากกว่าเก่าอย่างชัดเจน … และ
ด้วยลักษณะทางกายภาพภายนอกที่ปรับเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ส่งผลให้การวางโพสิชั่นของผู้ขับขี่ก็เปลี่ยนตามไปด้วย
โดยโมเดลล่าสุดของ Ninja 250 Sl ABS คันนี้ ได้รับการดีไซน์ให้ตำแหน่งแฮนด์
ทำมุมรับกับท่านั่งขับขี่สไตล์สปอร์ตมากยิ่งขึ้นง
ทางด้านขุมพลังบล็อกใหม่ แบบสูบเดียวนี้ มาพร้อมกับปริมาตรความจุกระบอกสูบ 249 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ควบคุมการชงส่วนผสมไอดีด้วยระบบหัวฉีด ซึ่งถอดแบบมาจากขุมพลังของรถลุยตระกูล KLX หรือ DTX 250
นั่นเอง โดยทางต้นสังกัดเคลมตัวเลขแรงม้าสูงสุดเอาไว้ที่ 27.6 แรงม้าที่ 9,700 รอบ/นาที ซึ่งอาจน้อยกว่าที่มีในเครื่องบล็อกเดิม 2 สูบ
ที่ให้ม้าสูงสุดเอาไว้ถึง 31.5 แรงม้า ทว่าในทางกลับกัน ขุมพลังบล็อกใหม่นี้กลับให้แรงบิดที่มากกว่าถึง 22.6 Nm
ที่ 8,200 รอบ/นาที ซึ่งแรงบิดขนาดมหาศาลนั้นจะถูกส่งออกมาให้ใช้งานได้ตั้งแต่ในรอบต่ำๆ
สัมผัสแรก … แตกต่างอย่างชัดเจน
ความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนตั้งแต่รูปกายภายนอก ผ่านเส้นสายของชุดแฟริ่งที่ออกแบบคลุมเต็มคัน
ตามสไตล์สปอร์ตของสายพันธุ์ Ninja เหลี่ยมสันที่เน้นให้คมชัดยิ่งขึ้นตั้งแต่โคมไฟหน้าที่คราวนี้มาแบบซิงเกิ้ลโคมเดี่ยว
ถังเชื้อเพลิงที่ออกแบบให้เพรียวบาง รับกับเนาะนั่งและชุดแฟริ่งท้าย และเมื่อได้คร่อมบนเรือนร่างที่บางกระชับ
จนความรู้สึกแทบไม่แตกต่างไปจากสายพันธุ์สปอร์ตพิกัด 150 ซีซี. 2 จังหวะตัวแรงในยุคอดีต
(ซึ่งวันนี้ในถิ่นกำเนิดแดนอิเหนา สายพันธุ์ 2T ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ ขนาดที่มีการสร้างรุ่นฉลองครบรอบออกมาให้นักบิดไทยได้อิจฉากันเล่นๆ ด้วย)
ในท่าพร้อมขี่ ด้วยการดีไซน์ให้น้องเล็กตระกูล Ninja สามารถตอบสนองได้เต็มอรรถรส การวางตำแหน่งแฮนด์ที่
สอบเข้าส่งให้ผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมได้ถนัดสุดในท่าหมอบ ตอบโจทย์ขาซิ่งได้เต็มอารมณ์
กับการขับขี่ สิ่งที่สร้างความประทับใจคงต้องยกให้การควบคุมที่ทำได้เชื่องมือ จากเหตุผลทั้งเรื่องของน้ำหนักตัวที่เบากว่าโมเดลเก่า
ถึง 20 กก. จนรู้สึกเหมือนเบาเกินกว่าที่จะเป็นรถคลาส 250 ซีซี. เลยทีเดียว นอกจากนั้น ตำแหน่งท่านั่งที่วางให้ผู้ขับขี่อยู่ในท่าที่คุมได้ถนัด
หนีบได้กระชับก็ยังช่วยให้หนีบมันเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ พลิกได้คล่องตัว … แรงบิดที่ส่งออกมาค่อนข้างจัดตั้งแต่ในรอบต่ำๆ
ทำให้ไม่ต้องลากรอบจนสูงเกินไปยังส่งผลให้มันเป็นรถที่ขี่ได้สบายๆ ในส่วนของระบบกันสะเทือนทางด้านหน้าถึงแม้
ใหวือหวานักกับโช้คหัวตั้งธรรมดาขนาดแกนโต 37 มม. แต่เมื่อทำงานร่วมกับโช้คหลังสวิงอาร์มโช้คเดี่ยวที่มาพร้อมกระเดื่อง Uni – Track แล้ว
ถือว่าทำหน้าที่ได้น่าพอใจ … อีกส่วนของอุปกรณ์หลักที่สร้างความประทับใจคงหนีไม่พ้นระบบเบรกที่มาพร้อม ABS
ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และช่วยให้การหยุดรถทำได้อย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย …
ด้วยการปรับรูปลักษณ์ใหม่แบบพลิกโฉมหนนี้ ต้นสังกัดค่าย คาวาซากิ  เปิดราคาขายแบบยั่วใจเอาไว้ที่ 121,000 บาท

ที่มา: grandprix.co.th/motorcyclemag
Share on Google Plus